ของแต่งบ้าน และความนิยมชมชอบ ในการเลือกซื้อ ของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน บางคนชอบหรู บางคนชอบเนียบ บางคนชอบดิบ บางคนชอบของเก่า บางคนชอบสีสว่าง บางคนชอบสีมืด บางคนชอบโล่ง บางคนชอบให้มีของตกแต่งเยอะๆ แต่ไม่ว่าการชอบ ของแต่งบ้านแบบใด ก็ต้องดูพื้นฐาน ให้เหมาะสมกับบ้านหลังนั้น แต่ด้วยเทคนิคง่ายๆให้การตกแต่งบ้าน ให้มีความลงตัวในแบบของคุณ
ใครหลายๆคน มีเทคนิคของตัวเองในการเลือกเอาของมาตกแต่งบ้าน บางคนชอบการตกแต่งแบบมีหลายสีสัน บางคนชอบแบบโล่งๆ บางคนชอบตกแต่งแบบมีของให้ใช้สอย หยิบจับอะไรได้ง่ายๆ หรือแม้กระทั่งบางคน ชอบตกแต่งเอาของที่มีราคาแพงมาประดับบ้าน จนบางครั้งเราลืมไปว่า ของที่เอามาตกแต่งเหล่านั้น เหมาะสม หรือสวยได้อย่างที่ตัวเองต้องการตั้งแต่ตอนแรกที่คิดไว้หรือเปล่า
เราเคยตั้งคำถามกับตัวเองมั้ย ว่าทำไมบ้านหลังนี้ ของตกแต่งก็ไม่ได้มากอะไร ราคาก็ไม่ได้แพง สีสันก็ดูเฉยๆ แต่มองรวมแล้วดูมีเสน่เหลือเกิน เหมือนเพลงของพี่ป้างยังไงยังงั้นเลย มันมีต้องมีสูตรบางอย่างในการจัดวาง หรือตกแต่งให้มันดูดีขนาดนี้แน่ๆเลย ว่าแต่มันคืออะไรหล่ะ
สิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงคือ สูตร 70/30 อย่าเพิ่งทำหน้าง่วงหลังจากเห็นตัวเลขหล่ะ แต่มันคือกฎหรือสูตรของการตกแต่งบ้านให้ดูดี ดูสวย และนำมาซึ่งความประทับใจ หลังจากตกแต่งมาแล้วอย่างดี แล้ว 70/30 นี่มันคืออะไรกันหล่ะ
ความหมายของมันก็คือ หมายถึง สมมุติว่า พื้นที่ในห้องทั้งหมดเป็น 100%
ให้มีของตกแต่ง ต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็น กรอบรูป โคมไฟ แจกันดอกไม้ หมอน แก้ว, ขวดน้ำ เทียน หรือของตกแต่งต่างๆเหล่านี้ มีสัดส่วนได้ไม่เกิน 30% ของพื้นที่ในห้องทั้งหมด ส่วนหน้าตา ของตกแต่งต่างๆ อยู่ที่ผู้เลือกซื้อ ในความชอบที่แตกต่างกัน แล้วแต่ตามสไตล์ความชอบของแต่คน แต่เพียงจับสูตรนี้ไว้ให้มั่น อย่าหลุดเด็ดขาด
ส่วนอีก 70% ก็เหลือให้เป็นพื้นที่ว่างๆ โล่งๆ แค่นี้ บ้านคุณก็จะดูดีกับของแต่งบ้านที่คุณเลือกเข้ามา อย่าลืมว่า ถ้าเราเอาแต่ของตกแต่งมาวาง จนไม่เหลือที่ว่างให้มัน เราจะรู้ได้ยังไง ว่าสิ่งที่เราวางลงไปนั้น มีจุกเด่นอะไร ถ้าเราไม่มีจุดนำสายตา หรือ ไม่มีที่ว่างรอบๆให้สิ่งของที่เรามาวางไว้
แค่นี้เราก็รู้แล้ว นี่คือสูตรทองคำ สำหรับใครที่ต้องการตกแต่งบ้านให้มันดูดี ลองเอากลับไปใช้ และลองตกแต่งดูว่าเราจะเห็นความแตกต่าง หรือสร้างความปรับใจได้แค่ใหน