การจะได้บ้านมาซักหลังที่ใช่ ในทำเลที่ชอบ เราต้องไปดูหลายที่กว่าจะเจอที่ตรงกับความต้องการของเรา เมื่อเจอแล้วเราจะทำอย่างไรให้กู้บ้านแล้วผ่านฉลุย เราจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมเรื่องระบบการเงินกันค่ะ
รายได้ขั้นต่ำที่เราควรจะต้องมีหากต้องการซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท มนุษย์เงินเดือนอย่างเราต้องมีรายได้คงที่อย่างน้อยก็ 1 ใน 60 ของราคาบ้าน ตามสูตรคิดง่ายๆ ดังนี้
ราคาบ้าน=เงินเดือนx60
เพราะหลังจากที่เราได้เป็นเจ้าของบ้านสมใจแล้วล่ะก็ ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ตามอีกเพียบเลยจ้า ไม่ว่าจะเป็น ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ-ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าทริปกับเพื่อนก๊วนสนิท ซึ่งถ้าหากมีรายรับที่น้อยเกินไป แล้วต้องผ่อนบ้านในราคาเกินตัว ก็อาจจะลำบากได้นะคะ
“อัตราค่าผ่อนต่อเดือน”
ถ้าหากเราไม่ได้รวยขนาดซื้อบ้านด้วยเงินสดแล้วละก็ ก็ต้องมีการผ่อนต่อเดือนใช่มะ ยิ่งผ่อนเยอะ ก็จะหมดไว หนี้ก็จะหมดเร็ว แต่ถ้าผ่อนมากไป ก็อาจจะค่าใช้จ่ายไม่พอ รายได้กลายเป็นติดลบอีก
ถ้างั้นเรามาวางแผนการผ่อนชำระให้พอดี กับรายได้ของเรา กรณีที่ไม่มีภาระหนี้สินอื่นๆ นะ
ค่าผ่อนต่อเดือนก็ไม่ควรเกิน 40% ของเงินเดือน ซึ่งตัวเลขนี้เราประมาณการมาจากหลายปัจจัย เช่น การแบ่งใช้ในชีวิตประจำวัน 40-50% และที่ขาดไม่ได้คือควรออมเงินอีกสัก 10-20% เพื่อใช้ในยามเกษียณ หรือลงทุนต่อยอดให้มี Passive Income จะได้มีเงินใช้ในอนาคต
“แล้วเงินดาวน์จะเท่าไหร่ดีล่ะ”
ถ้ามีเงินดาวน์มาก แน่นอนเราก็จะผ่อนน้อยลง ผ่อนหมดเร็วขึ้น ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยมาก ประหยัดไปได้เยอะเลยแหละ แต่ถ้ามัวแต่เก็บเงินดาวน์นานไป ระวังจะแก่ก่อนได้อยู่เด้อ
คิดแบบง่ายๆ ว่าเราควรเก็บเงินให้ได้สัก 10% ของราคาเต็ม แล้วก็เอาไปวางดาวน์เลย
ถ้าคิดจะซื้อคอนโด 2 ล้าน เก็บเงินเพื่อดาวน์ให้ได้สัก 2 แสน ก็น่าจะกำลังโอเคนะ
แต่ทั้งนี้เราก็จะต้องดูเงื่อนไขของโครงการหรือธนาคารด้วย ว่าเค้ามีบังคับขั้นต่ำเท่าไหร่
ถ้าลงเงินดาวน์เพิ่มจะได้ดอกเบี้ยลดไปอีกมากน้อยแค่ไหน ต้องเจรจากับเขาดูก่อนด้วยนะ
“ระยะเวลาการผ่อน”
การผ่อนด้วยระยะเวลายิ่งสั้นก็จะยิ่งดี ยิ่งผ่อนนาน ดอกเบี้ยก็จะยิ่งบาน บางคนผ่อนกันไป 30 ปี ดอกเบี้ยดันแพงกว่าตัวบ้านซะแล้ว แต่การผ่อนให้หนี้ยิ่งหมดเร็ว ค่าผ่อนต่องวดเราจะยิ่งเยอะขึ้น อาจจะต้องกินแกลบทุกเดือน เรามาลองคำนวณเล่นๆกันดูค่ะ ว่า ราคาบ้าน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4%ต่อปี
ผ่อน เดือนละ 25,000 บาท
เราต้องจ่ายเป็นเวลาประมาณ 28 ปี
และถ้าเราเพิ่มค่างวดแค่เดือนละ 3,000 บาท
จะลดเวลาในการผ่อนเหลือแค่ 18 ปี !!!
โอ้โห!!! คิดเองก็ตกใจเหมือนกันนะนี่ แค่เพิ่มเงินไปเดือนละแค่ 3,000 บาท เราจะสามารถลดเวลาในการผ่อนลงได้ถึง 10 ปี และถ้ามองในมุมของดอกเบี้ยด้วยแล้วล่ะก็น่าจะประหยัดไปได้อีกประมาณ 5 แสนบาทเลยทีเดียว ว้าวๆ
นอกจากเรื่องการเงินแล้ว ก็อย่าลืมดูอย่างอื่นด้วยนะคะ เช่น ทำเล คุณภาพ สภาพแวดล้อมต่างๆ สิ่งอำนวยความสะดวก และหากถ้ายังไม่แน่ใจเรื่องหาซื้อบ้านใหม่ ลองดูไปหลายๆ ที่ก่อน เพราะถ้าเสียเครดิตการขอสินเชื่อไปแล้ว จะทำอะไรก็ลำบากจึงต้องวางแผนดีๆ สุดท้ายนี้ ก็ขอให้คุณผู้อ่านเจอบ้านในฝันที่ตรงใจนะคะ